เวลาที่รู้สึกหงุดหงิดตอนวิดีโอคอลค้าง หรือส่งไฟล์ขนาดใหญ่ให้เพื่อนช้าเสียเหลือเกิน ในขณะที่ดูเหมือนอินเทอร์เน็ตที่บ้านก็มีเลขความเร็วสูงลิ่ว ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับตัวเลขสำคัญสองตัวที่อยู่คู่กันเสมอ นั่นคือ ความเร็วในการดาวน์โหลด (Download) และ ความเร็วในการอัปโหลด (Upload) การทำความเข้าใจความหมายและบทบาทของตัวเลขทั้งสองนี้อย่างแท้จริง จะช่วยให้เราเลือกใช้และบริหารจัดการเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความหงุดหงิดในโลกดิจิทัลลงได้อย่างมาก
ดาวน์โหลดและอัปโหลด แตกต่างกันอย่างไร
หัวใจสำคัญของการใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ ทิศทางของการไหลของข้อมูล ซึ่งความเร็วจะถูกวัดตามทิศทางนั้น ๆ
ความเร็วในการดาวน์โหลด (Download Speed)
ความเร็วนี้คือ การรับข้อมูลเข้ามาหาอุปกรณ์ ของเราเอง พูดง่าย ๆ คือเมื่อเราดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ภายนอกมายังคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ความเร็วนี้จะมีผลโดยตรงต่อกิจกรรมหลักในชีวิตประจำวัน เช่น การดูวิดีโอสตรีมมิง การเปิดเว็บไซต์ การอ่านอีเมล หรือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ความเร็วในการดาวน์โหลดจึงเป็นค่าที่ถูกเน้นย้ำมากที่สุดในการโฆษณาเครือข่าย
ความเร็วในการอัปโหลด (Upload Speed)
ความเร็วนี้คือ การส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ออกไปยังโลกภายนอก เป็นการนำข้อมูลออกจากเครื่องของเราไปเก็บไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ภายนอก ความเร็วนี้มีความสำคัญต่อกิจกรรมที่ต้องมีการส่งข้อมูลกลับไปเยอะ ๆ เช่น การวิดีโอคอลแบบเรียลไทม์ (การส่งภาพและเสียงของเรา) การส่งอีเมลที่มีไฟล์แนบขนาดใหญ่ การสำรองข้อมูลไปยังคลาวด์ หรือการสตรีมเกมหรือไลฟ์สด เพราะถ้าอัปโหลดช้า ภาพและเสียงของเราก็จะติดขัดหรือดีเลย์
หน่วยวัดความเร็วที่แท้จริง Bits และ Bytes
หนึ่งในความสับสนที่พบบ่อยที่สุดคือการใช้หน่วยวัดความเร็ว ที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าความเร็วที่ได้รับไม่ตรงกับที่คาดหวัง
รู้จัก เมกะบิตต่อวินาที (Mbps)
เมื่อผู้ให้บริการเครือข่ายโฆษณาความเร็ว เช่น 100 Mbps (เมกะบิตต่อวินาที) นี่คือหน่วยที่ใช้วัดอัตราความเร็วของข้อมูลบนเครือข่าย บิต (bit) ใช้ตัวอักษร ‘b’ ตัวเล็ก ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในการสื่อสารข้อมูล
รู้จัก เมกะไบต์ต่อวินาที (MBps)
ในทางกลับกัน เมื่อเราดาวน์โหลดไฟล์ เรามักจะเห็นหน่วยของขนาดไฟล์เป็น MB (เมกะไบต์) หรือ GB (กิกะไบต์) ซึ่งใช้ ไบต์ (Byte) หรือ ‘B’ ตัวใหญ่ ความสับสนเกิดจากความแตกต่างที่ว่า 1 ไบต์ มีค่าเท่ากับ 8 บิต โดยประมาณ
หากเครือข่ายระบุว่ามีความเร็ว 100 Mbps (เมกะบิต) ในทางทฤษฎี ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่เราจะเห็นในหน่วยของไฟล์ (เมกะไบต์) จะอยู่ที่ประมาณ 12.5 MBps (เมกะไบต์ต่อวินาที) การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ‘b’ เล็กและ ‘B’ ใหญ่จะช่วยขจัดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเร็วที่ได้รับ
ทำไมความเร็วอัปโหลดจึงถูกมองข้าม
ในอดีต ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เน้นไปที่การดาวน์โหลด ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายมักจะตั้งค่าความเร็วให้ ไม่สมมาตร (Asymmetrical) นั่นคือ ความเร็วดาวน์โหลดจะสูงกว่าความเร็วอัปโหลดมาก แต่พฤติกรรมการใช้งานในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
บทบาทของการทำงานและเรียนออนไลน์
ตั้งแต่มีการทำงานและการเรียนผ่านวิดีโอคอล หรือมีการประชุมออนไลน์ตลอดเวลา ความเร็วอัปโหลดก็กลายเป็นหัวใจสำคัญ หากความเร็วอัปโหลดต่ำ ภาพและเสียงที่เราส่งออกไปก็จะไม่มีคุณภาพหรือกระตุก ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการสื่อสารอย่างมาก
การสร้างเนื้อหาและการสำรองข้อมูล
การใช้งานอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนจากการเป็นผู้บริโภคข้อมูล (Consumption) ไปสู่การเป็นผู้สร้างและแชร์ข้อมูล (Creation and Sharing) การส่งวิดีโอเพื่อตัดต่อ การอัปโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ไปยังคลาวด์ หรือการไลฟ์สตรีมวิดีโอความละเอียดสูง ทั้งหมดนี้ต้องการความเร็วอัปโหลดที่สูงและเสถียร หากความเร็วอัปโหลดต่ำ ก็จะกลายเป็นคอขวดที่ทำให้การทำงานติดขัดทันที
การทำความเข้าใจความจริงเกี่ยวกับความเร็วของเครือข่ายสอนให้เรารู้ว่า การเลือกแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไม่ควรดูแค่ตัวเลขดาวน์โหลดที่สูงที่สุดเท่านั้น แต่ควรพิจารณาจาก กิจกรรมที่เราทำเป็นประจำ หากเป็นการใช้งานทั่วไป เช่น ดูหนัง ฟังเพลง การดาวน์โหลดที่สูงก็เพียงพอ แต่หากมีการทำงานวิดีโอคอล การสตรีม หรือการส่งไฟล์บ่อยครั้ง การเลือกแพ็กเกจที่มี ความเร็วอัปโหลดสูง หรือ สมมาตร (Symmetrical) จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดในการทำให้ชีวิตดิจิทัลเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ